วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

e-Book

ความหมายของ e-Book

e-Book ย่อมาจากคำว่า Electronic Book หมายถึงหนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งในระบบออฟไลน์ และออนไลน์
คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปยังส่วนต่าง ๆ ของหนังสือ เว็บไซต์ต่าง ๆ ตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้ นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้ อีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป

โปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง e-Book

โปรแกรมที่นิยมใช้สร้าง e-Book มีอยู่หลายโปรแกรม แต่ที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ได้แก่
1. โปรแกรมชุด Flip Album
2. โปรแกรม DeskTop Author
3. โปรแกรม Flash Album Deluxe

ชุดโปรแกรมทั้ง 3 จะต้องติดตั้งโปรแกรมสำหรับอ่าน e-Book ด้วย มิฉะนั้นแล้วจะเปิดเอกสารไม่ได้ ประกอบด้วย
1. โปรแกรมชุด Flip Album ตัวอ่านคือ Flip Viewer
2. โปรแกรมชุด DeskTop Author ตัวอ่านคือ DNL Reader
3. โปรแกรมชุด Flash Album Deluxe ตัวอ่านคือ Flash Player



รูปภาพการทำ e-Book










ที่มาhttp://www.srb1.go.th/anuban/e_book/meanebook.htm
วันที่20 กุมภาพันธ์ พศ.2556


Blog
ในปัจจุบันบล็อก ถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ และกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยขณะนี้ได้มีผู้ให้บริการบล็อกมากมาย ทั้งแบบให้บริการฟรี และเสียค่าใช้จ่าย - Wikipedia
         สรุปง่ายๆ Blog ก็คือ Website รูปแบบหนึ่ง ที่มีการจัดเรียง เรื่องหรือ post เรียงลำดับ โดยเรื่องใหม่จะอยู่บนสุด ส่วนเรื่องเก่าสุดก็จะอยู่ด้านล่างสุด Blog อาจจะพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นของ ไดอารี่ online ก็เป็นได้ โดย Blog จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ได้ ไม่จำกัด ซึ่ง ไดอารี่ ก็ถือว่าเป็น Blog ในรูปแบบหนึ่ง
         Blog ส่วนใหญมักจะเขียนโดยคนเพียงคนเดียว แต่ก็มีไม่น้อยที่เขียนเป็นกลุ่ม โดยอาจจะมีเรื่องราวเฉพาะไปที่ๆเรื่องประเภทเดียว หรือบางทีก็หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องราวที่เขียนขึ้นมานาน จะถูกเก็บรวบรวมเป็น Archives เก็บไว้ โดยมักจะแสดงผลเป็น link ในรูปแบบ วันเดือนปี เพื่อให้เราสามารถกดเข้าไปดูได้ ก็ไม่ต้องตกใจว่าที่หน้าแรกของ Blog บางทีก็มีเรื่องแสดงแค่ 10 เรื่องก็หมดแล้ว เพราะบางทีใน Archives อาจมีเรื่องอยู่ในนั้นอีกเป็นร้อยๆ โดยที่เราต้องเข้าไปดู
         Blog มักจะมาคู่กับระบบ Comment ที่เปิดโอกาสให้คนอ่าน สามารถ Comment ข้อความต่อท้ายในเรื่องที่เรา post ได้ คล้ายๆรูปแบบของ Webboard ไม่ว่าจะเป็นติชม แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม หรือบอกแหล่งข้อมูลใหม่ๆ หรืออาจจะแค่ทักทายเจ้าของ ฺBlog ก็เป็นได้ ถ้าคุณลองเลื่อนไปดูด้านล่างของเรื่องนี้ จะพบช่องให้กรอก Comment ทิ้งข้อความไว้ให้ผมได้ 
         Blog อาจจะมีบริการทั้งเสียเงิน และไม่เสียเงิน ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการให้บริการ ซึ่งมักจะติดตั้ง Tool ให้เราสามารถใช้งานได้ง่ายๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากมายนักโดยส่วนใหญ่แล้ว Blog หลายๆที่มักจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และลึก เนื่องจากเจ้าของ Blog มักจะนำข้อมูลที่ตัวเองรู้ หรือประสบการณ์มาถ่ายทอด โดยค่อนข้างเป็นกันเอง แต่ในปัจจุบัน บริษัทใหญ่ๆ ก็หันมามี Blog เป็นของตัวเองกันมาก ไม่ว่าจะเป็น Google , Yahoo เพราะ Blog สามารถทำตัวเป็น PR ให้กับบริษัทได้ โดยสร้างความรู้สึกเป็นกันเอง ไม่มีพิธีอะไรมาก สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง โดยไม่ต้องเป็นทางการมากนัก และลูกค้าก็ชอบที่จะติดต่อสื่อสารผ่านทาง Blog ด้วย



รูปภาพการใช้Blog




ที่มาhttp://edclass.pn.psu.ac.th/edtech/component/content/article/37-admin/68-blog-.html
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พศ.2556

e-Learning
              e-Learning (Electronic learning) คือ การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ความหมายของ E-learning ถูกตีความต่างกันไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน แต่มีส่วนที่เหมือนกันคือใช้เทคโนโลยี เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ โดยมีการพัฒนาตลอดเวลา ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี สำหรับผู้เขียนให้ความหมายของ E-learning ว่าเป็น "การใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตเข้ามาส่งเสริมการเรียน การสอน ให้เกิดประสิทธิผล"คำว่า E นั้นย่อมาจาก Electronic ส่วนคำว่า learning มีความหมายตรงตัวว่าการเรียนรู้ เมื่อนำมารวมกันหมายถึงการเรียนรู้โดยใช้ electronic หรือ internet เป็นสื่อ คำที่มีความหมายใกล้เคียงเช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI = Computer Assisted Instruction) หรือ การสอนบนเว็บ (WBI = Web-based Instruction)
1 อีเลินร์นิ่ง คือ การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ โดยมีการพัฒนา และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีตลอดเวลา
2 อีเลิร์นนิ่ง คือ การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
3 อีเลิร์นนิ่ง คือ การใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตเข้ามาส่งเสริมการเรียน การสอน ให้เกิดประสิทธิผล คำที่มีความหมายใกล้เคียงกับอีเลิร์นนิ่ง เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI = Computer Assisted Instruction) หรือ การสอนโดยใช้เว็บเป็นฐาน (WBI = Web-based Instruction) หรือ การเรียนรู้โดยใช้เว็บเป็นฐาน (Web-based Learning)

องค์ประกอบของ e-Learning 

1. ระบบจัดการการศึกษา (Education Management System)
ไม่ว่าระบบใดในโลกก็ต้องมีการจัดการ เพื่อทำหน้าที่ควบคุม และประสานงาน ให้ระบบดำเนินไปอย่างถูกต้อง องค์ประกอบนี้สำคัญที่สุด เพราะทำหน้าที่ในการวางแผน กำหนดหลักสูตร ตารางเวลา แผนด้านบุคลากร แผนงานบริการ แผนด้านงบประมาณ แผนอุปกรณ์เครือข่าย แผนประเมินผลการดำเนินงาน และทำให้แผนทั้งหมด ดำเนินไปอย่างถูกต้อง รวมถึงการประเมิน และตรวจสอบ กระบวนการต่าง ๆ ในระบบ และนำหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้ระบบดำเนินต่อไปด้วยดี และไม่หยุดชะงัก
          2. เนื้อหารายวิชา เป็นบท และเป็นขั้นตอน (Contents)
หน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญ ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สอนคือ การเขียนคำอธิบายรายวิชา วางแผนการสอน ให้เหมาะสมกับเวลา ตรงกับความต้องการของสังคม สร้างสื่อการสอนที่เหมาะสม แยกบทเรียนเป็นบท มีการมอบหมายงานเมื่อจบบทเรียน และทำสรุปเนื้อหาไว้ตอนท้ายของแต่ละบท พร้อมแนะนำแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติมให้ไปศึกษาค้นคว้า
          3. สามารถสื่อสารระหว่างผู้เรียน และผู้สอน หรือระหว่างผู้เรียนด้วยกัน (Communication)
ทุกคนในชั้นเรียนสามารถติดต่อสื่อสารกัน เพื่อหาข้อมูล ช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือตอบข้อซักถาม เพื่อให้การศึกษาได้ประสิทธิผลสูงสุด สื่อที่ใช้อาจเป็น E-mail, โทรศัพท์, Chat board, WWW board หรือ ICQ เป็นต้น
ผู้สอนสามารถตรวจงานของผู้เรียน พร้อมแสดงความคิดเห็นต่องานของผู้เรียน อย่างสม่ำเสมอ และเปิดเผยผลการตรวจงาน เพื่อให้ทุกคนทราบว่า งานแต่ละแบบมีจุดบกพร่องอย่างไร เมื่อแต่ละคนทราบจุดบกพร่องของตน จะสามารถกลับไปปรับปรุงตัว หรืออ่านเรื่องใดเพิ่มเติมเป็นพิเศษได้
          4. วัดผลการเรียน (Evaluation)
งานที่อาจารย์มอบหมาย หรือแบบฝึกหัดท้ายบท จะทำให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ และเข้าใจเนื้อหาวิชามากขึ้น จนสามารถนำไปประยุกต์ แก้ปัญหาในอนาคตได้ แต่การจะผ่านวิชาใดไป จะต้องมีเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อวัดผลการเรียน ซึ่งเป็นการรับรองว่าผู้เรียนผ่านเกณฑ์ จากสถาบันใด ถ้าไม่มีการสอบก็บอกไม่ได้ว่าผ่านหรือไม่ เพียงแต่เข้าเรียนอย่างเดียว จะไม่ได้รับความเชื่อถือมากพอ เพราะเรียนอย่างเดียว ผู้สอนอาจสอนดี สอนเก่ง สื่อการสอนยอดเยี่ยม แต่ผู้เรียนนั่งหลับ หรือโดดเรียน ก็ไม่สามารถนำการรับรองว่าเข้าเรียนนั้น ได้มาตรฐาน เพราะผ่านการอบรม มิใช่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจากการสอบ ดังนั้นการวัดผลการเรียน จึงเป็นการสร้างมาตรฐาน ที่จะนำผลการสอบไปใช้งานได้ ดังนั้น E-learning ที่ดีควรมีการสอบ ว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่



รูปภาพการใช้งานe-Leaning





ที่มาาhttp://km.rubber.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=4213:-e-learning-&catid=80:learning-organization-lo&Itemid=195
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พศ.2556


e-Mail
         อีเมล (e-Mail) คือ จดหมายอิเลคทรอนิกส์ ที่ใช้รับส่งกันโดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การใช้งานโดยพิมพ์ข้อความ จากนั้นก็คลิกคำสั่ง เพื่อส่งออกไป โดยจะมีชื่อของผู้รับ ซึ่งเราเรียกว่า Email Address เป็นหลักในการรับส่ง ส่วนประกอบของอีเมลแอดเดรส ประกอบด้วย ชื่อบัญชีสมาชิกของผู้ใช้เรียกว่า user name อาจใช้ชื่อจริง ชื่อเล่น หรือชื่อองค์กร เครื่องหมาย @ ( at) อ่านว่า แอท  และโดเมนเนม (Domain Name) เป็นที่อยู่ของอินเทอร์เน็ตเซิร์ฟเวอร์ เพื่ออ้างถึงเมลเซิร์ฟเวอร์ ส่วนสุดท้ายเป็นรหัสบอกประเภทขององค์กรและประเทศ ในที่นี้คือ .co.th โดยที่ .co หมายถึง commercial เป็นบริการเกี่ยวกับการค้า ส่วน .th หมายถึง Thailand อยู่ในประเทศไทย
            ส่วนประกอบของอีเมล จะใช้ในลักษณะของ  MIME อินเทอร์เน็ตอีเมล ประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักแยกจากกัน คือ
1.ส่วนหัว Header e-mail ส่วนหัวของอีเมล กำหนดตามมาตรฐาน RFC 2822 โดยทั่วไปส่วนหัวประกอบด้วยข้อความและตามด้วยเครื่องหมาย ":" และตามด้วยข้อมูล ในแต่ละข้อมูลจะประกอบไปด้วยอย่างน้อย 4 หัวข้อ 
2.ส่วนเนื้อความของอีเมลเป็นเนื้อหาที่ต้องการสื่อสาร ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ และอาจแนบไฟล์ไปกับเนื้อหาได้ด้วยการแบ่ง MIME แบบ multipart

โครงสร้างและรูปแบบของชื่ออีเมล์ในเบื้องต้น
ถ้าใครได้เคยเห็นรูปแบบ และชื่อของอีเมล์มาบ้างแล้ว ลองมาทำความเข้าใจกับ ระบบการตั้งชื่ออีเมล์กันก่อน สมมติว่าใครคนหนึ่ง บอกอีเมล์ของเขามาว่า somchai@hotmail.com (อ่านออกเสียงว่า สมชาย-แอต-ฮอทเมล์ ดอทคอม)เครื่องหมาย @ จะออกเสียงว่า "แอต"ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ใช้คั่นอยู่ระหว่าง ชื่อและ server ของอีเมล์นั้น ๆเสมอ ชื่อของ server ที่ลงท้ายนี้ อาจจะเปลี่ยนไปได้ตามชื่อของ server ที่เปิดให้บริการอีเมล์นั้น ๆ ด้วยเช่น อาจจะลงท้ายด้วย @yahoo.com @thailand.com @mail.com หรืออะไรก็ได้ ที่มีเปิดให้บริการ

  

                                                            รูปภาพตัวอย่างการใช้e-Mail


ที่มาhttp://www.upload.khukhan.ac.th/email.html
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พศ.2556


วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556



พัฒนาครู นักศึกษาครู ครูใหม่





            อาวุธสำคัญของครู ผศ.ดร.อารี หลวงนา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้เล็งเห็นว่า โทรทัศน์ครู เป็นเหมือนอาวุธที่สำคัญในการพัฒนาวิชาชีพครู จึงได้นำโทรทัศน์ครู เข้าไปใช้เป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนของคณะ 100% เต็ม โดยปัจจุบันอาจารย์ทุกคนนำไปใช้เป็นสื่อการสอนในวิชาของตนเอง


วิเคราะห์เรื่องพัฒนาครู นักศึกษา ครูใหม่
       จากวีดีโอเรื่องนี้นะค่ะ ได้ความรู้เป็นอย่างมากเพราะว่าตัวเองก็เรียนครูเหมือนกัน ได้ประโยชน์เป็นอย่างมากเพื่อได้นำเอาไปใช้ในการเรียนการสอน เป็นเทคนิคและแนวทางเป็นอย่างดี วีดีโอนี้สอนให้รู้ถึงการที่จะไปเป็นครูจริงๆ รู้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ต้องสอนแบบไหนนักเรียนถึงจะเข้าใจ สอนให้เด็กนักเรียนรู้เรื่องรู้เรื่อง หรือเราอาจจะนำความรู้ที่ได้ดูมาใช้ให้เป็นประต่อการเรียนก็ได้ ดูวีดีโอเรื่องนี้แล้วรู้สึกชอบ และประทับใจมากๆ



ที่มาhttp://www.cued-ttv.net/index.php
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พศ.2556

มัธยมศึกษา วิทยาศาสตร์



รถประหยัดสุดโก้ Eco car

             โดยคุณครู ภูดิศ รอดอรินทร์ คุณครู บุญทา นาวาทอง รร.กองทัพบกอุปถัมภ์ ช่างกล งานชิ้นนี้เป็นสิ่งที่รุ่นพี่รุ่นน้องทำต่อเนื่องกันมาโดยมีอาจารย์เป็นผู้ให้ความสนับสนุน และให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ เป็นวิธีการเรียนการสอนอย่างหนึ่ง ที่แทรกซึมความสนใจให้กับนักเรียนเป็นอย่างมาก และในการทำEco car นี้ นักเรียนได้แสดงเห็นถึงความพยายามที่จะคิดกลไกลเครื่องยนต์ ให้ได้สมรรภาพที่ดีที่สุด เป็นเหมือนกับการแข่งขันให้มานั้น ก็เป็นสิ่งที่นักเรียนจะต้องคิดท้ายทายที่เกิดขึ้น จึงเป็นเหมือนแรงกระตุ้นที่นักเรียนและอาจารย์ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ จนเกิดเป็นความสำเร็จร่วมกัน


วิเคราะห์เรื่องรถประหยัดสุดโก้ Eco car
           จากการดูวีโอดีเรื่องนี้นะค่ะ ทำให้รู้ถึงเรื่องการทำรถยนต์ เพื่อให้มีความประหยัดต่อการใช้งานของคนเรา คุณครูตั้งใจสอนนักเรียนเป็นอย่างมาก และนักเรียนก็ตั้งในเรียนและลงมือปฏิบัติตามที่ครูสอนเป็นอย่างดี เราก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย เพื่อจะได้นำไปใช้ไปเป็นประโชน์ต่อการเรียนหรือการสอนภายหน้า ดูเทคนิคการสอนของครู ดูความตั้งใจของเด็กนักเรียน และเราก็ได้ความรู้ตามไปด้วย


ที่มาhttp://www.cued-ttv.net/index.php
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พศ.2556




ชั้นประถมศึกษา วิทยาศาสตร์



สมบัติของสารและการจำแนกสารในชีวิตประจำวัน

            โดยคุณครู อังศนา มาทอง  ร.รอัสสัมชัญ สมุทรปราการ ครูนำเสนอด้วยวิธีการตรวจสอบความเป็นกรด-เบส ชนิดอื่นได้อีก หรือหากไม่มีกระดาษลิตมัส ให้นักเรียนใช้สิ่งที่มีในท้องถิ่น เช่น พืชบางชนิด กระหล่ำปลีสีม่วงมาทดลองแทน ครูเชื่อมโยงให้นักเรียนตั้งข้อสังเกต ว่าจะมีสารตรวจสอบความเป็นกรด-เบส ชนิดอื่นได้อีก ให้นักเรียนจับฉลากใบคำสั่ง ซึ่งจะมีการมอบหมายการให้จำแนกสาร โดยใช้เกณฑ์ที่แตกต่างกัน คือ 
1.ใช้สถานะ
2.การละลายน้ำ
3.ความเป็นกรด-เบส


 วิเคราะห์จากเรื่องสมบัติของสารและการจำแนกสารในชีวิตประจำวัน
         จากการดูวีดีโอนี้นะค่ะ จะเห็นได้ว่า คุณครูได้สอนอย่างตั้งใจ เพื่อจะให้เด็กมีความรู้ความสามารถในเรื่องสารและการจำแนกสาร เพื่อได้นำเอาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน และเราก็ดูเพื่อเอานำไปใช้ในการสอนหรือการเรียนได้อย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์แก่ตัวเรา เราก็ได้รับความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น รู้ถึงวิธีการสอนของคุณครูแต่ละท่านว่าเป็นอย่างไร และรู้ถึงว่าเด็กแต่ละคนมีความสามารถเพียงใด และแต่ละคนนิสัยเป็นอย่างไง เราก็เรียนรู้ได้จากวีโอนี้ เพื่อเอานำไปใช้เป็นประโยชน์แก่ส่วนตัวและส่วนรวมค่ะ



ที่มาhttp://www.cued-ttv.net/index.php
วันพฤหัสบดี ที่7 กุมภาพันธ์ พศ.2556